การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ
เรื่องที่รายงาน : การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ
ผู้รายงาน : นิฟติมา หมาดทิ้ง
ปีที่ศึกษา : ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
……………………………………..
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการรายงาน
1. เพื่อสร้างและพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ
3. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ
สมมติฐานการรายงาน
1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 /80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 5โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ สูงกว่าก่อนเรียน
3. ดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ มีค่ามากกว่า 0.50 ขึ้นไป
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและ การเคลื่อนที่กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะอยู่ในระดับมาก
วิธีการดำเนินการ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 18 คน 1 ห้องเรียน มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest-Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ และเอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่แบบทดสอบย่อยหลังใช้เอกสารประกอบการเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความ พึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ ดำเนินการสร้างและพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนโดยให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและตรวจสอบคุณภาพ ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47 แล้วนำไปทดลองกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปาเต๊ะ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 3 คน 10 คนและ30 คน พบว่า มีค่าประสิทธิภาพ (/) เท่ากับ 60.95/60.83,71.14/71.25 และ80.90/80.67 ตามลำดับ สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและตรวจสอบค่าความสอดคล้อง(IOC) เท่ากับ 0.78 หาคุณภาพของแบบทดสอบโดยหาค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.20 – 0.80 และหาค่าอำนาจจำแนก (r) มีค่าเท่ากับ 0.20 ขึ้นไป และหาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรค่า KR-20 ของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 จำนวน 40 ข้อ สร้างแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและตรวจสอบค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.49 ซึ่งอยู่ในระดับมาก ค่าความสอดคล้อง(IOC) เท่ากับ 0.80 คำนวณหาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α-Coefficient) ของครอนบัค ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 แล้วนำไปทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้เอกสารประกอบการเรียน หาค่าดัชนีประสิทธิผลและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องและการเคลื่อนที่
ผลการรายงาน
ผลการรายงานพบว่าเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง แรงและการเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพเป็น 81.14/82.13 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานข้อ 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่า t จากการคำนวณเท่ากับ 38.72 สูงกว่าค่า t จากการเปิดตาราง (.01 t = 2.898) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อ 2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ มีค่าเท่ากับ 0.7138 หมายความว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.38 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 3 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ ในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 4
ผู้ชม :2666